การประเมินคุณภาพของการแปลเอกสาร

การประเมินคุณภาพของการแปลเอกสาร

เทคนิควัดคุณภาพของงานแปลเอกสาร

แปลเอกสาร

     ในโลกเทคโนโลยีไร้พรมแดนในปัจจุบัน ทำให้เราติดต่อกับชาวต่างประเทศได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงต่างประเทศในทุก ๆ ครั้ง เราก็สามารถติดต่อกับคนต่างชาติได้ง่ายขึ้นผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารออนไลน์ บางครั้งมีความจำเป็นต้องจ้างนักแปลเอกสารเฉพาะทาง นอกจากจะแปลเอกสารในภาษาที่เราต้องการถูกต้องแล้ว ต้องใช้นักแปลที่มีความรู้เฉพาะทางอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแปลเอกสารด้านกฏหมาย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าศูนย์แปลเอกสารเชี่ยวชาญในด้านนั้นหรือไม่ จึงต้องมีการประเมินคุณภาพการแปลเอกสารของบริษัทแปลดังต่อไปนี้

  1. ขอข้อมูลลูกค้าเก่าและข้อมูลพื้นฐานของบริษัทจ้างแปล
         ก่อนจะจ้างแปล คุณควรจะขอรายชื่อลูกค้าเก่าจากบริษัทรับจ้างแปลเอกสาร ส่วนใหญ่บริษัทแปลเอกสารจะมีรายชื่อลูกค้าเก่าและตัวอย่างผลงานให้ดูบนเว็บไซต์ของบริษัท หรือจะขอข้อมูลรายละเอียดผลงานเพิ่มเติมก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทแปลเอกสารไม่สามารถละเมิดข้อตกลงการรักษาความลับเป็นลายลักษณ์อักษรที่พวกเขาได้ทำให้กับลูกค้ารายอื่น ๆ ไว้ได้

         แต่คุณสามารถสอบถามเกี่ยวกับประวัติและประสบการณ์ของบริษัทในการทำงานร่วมกับลูกค้า รวมถึงสอบถามเกี่ยวกับการศึกษา ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของนักภาษาศาสตร์ นักแปลที่มีชื่อเสียงนั้นดีพอ ๆ กับงานสุดท้ายที่พวกเขาทำ

         ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะซื่อสัตย์มากเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำได้และทำไม่ได้ ผู้ให้บริการการแปลที่ดีควรจะให้ข้อมูลตรงไปตรงมา ในโลกธุรกิจปัจจุบันโครงการแปลเอกสารส่วนใหญ่มีรายละเอียดมากกว่าการพิมพ์ซ้ำในภาษาอื่น หากจำเป็นต้องออกแบบเว็บ เค้าโครงการพิมพ์ การจัดรูปแบบไฟล์ การแก้ไข การทำซับไตเติ้ลวิดีโอ หรือการบันทึกเสียง ให้ตรวจสอบเสมอว่าผู้ให้บริการแปลมีความสามารถและเต็มใจที่จะทำงานทั้งหมดนั้นหรือไม่

  2. ค้นหาบริษัทแปลที่เชี่ยวชาญในสาขาของคุณ
         หากคุณมีบทความเกี่ยวกับฟิสิกส์ หรือสิทธิบัตรสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องแปลเป็นภาษาจีนกลาง คุณไม่เพียงแต่ต้องกังวลเกี่ยวกับภาษาจีนกลาง แต่ยังต้องคำนึงถึงความถูกต้องของเนื้อหาในด้านเทคนิคด้วย คุณยังต้องค้นหาบริษัทแปลเอกสารที่มีนักแปลที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคนิค และสามารถแปลภาษานั้น ๆ ได้อีกด้วย

  3. ถามเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพ
         บริษัทแปลเอกสารที่ดีจะมีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำในการติดตามการทำงานของนักแปล ถึงแม้ว่าบางบริษัทอาจไม่ได้มีการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 แต่อย่าเพิ่งคิดว่าบริษัทแปลนั้นไม่มีคุณภาพ เนื่องจากการรับรองมาตรฐาน ISO ไม่ได้รับประกันคุณภาพการแปล เนื่องจากกระบวนการแปลมีหลายเรื่องต้องพิจารณา เช่น ความถูกต้องของเนื้อหาที่ต้องมีการตรวจสอบจาก Native Speaker

  4. ค้นหาข้อมูลว่าบริษัทแปลเอกสารต้องใช้อะไรอ้างอิงในการแปลบ้าง
         ส่วนใหญ่นักแปลจะอาศัยข้อมูลงานวิจัย งานอ้างอิง และอินเตอร์เน็ตเพื่อให้แน่ใจว่าการแปลนั้นถูกต้อง ภาษามีการไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติงานวิจัยล่าสุดระบุว่าในแต่ละปีมีคำศัพท์เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 คำ ดังนั้น การหาแหล่งความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องน่าท้าทาย แต่นักภาษาศาสตร์ที่ดีควรจะมีพยายามเป็นอย่างมาก

  5. ถามเกี่ยวกับใบเสนอราคาฟรี
         บริษัทหรือหน่วยงานแปลเอกสารที่มีชื่อเสียง ควรทำใบเสนอราคาให้ฟรีแก่บุคคลที่สนใจใช้บริการของตน แม้ว่าในท้ายที่สุดพวกเขาจะไม่จ้างคุณก็ตาม บริษัทแปลภาษาควรเต็มใจที่จะพบปะและหารือเกี่ยวกับโครงการแปลภาษาที่ลูกค้าสนใจ จำไว้ว่าคุณภาพมีความสำคัญพอ ๆ กับความซื่อสัตย์ บริษัทแปลภาษาที่มีคุณภาพสูงต่างกระตือรือร้นที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และการสังเกตว่าบริษัทแปลภาษามืออาชีพส่วนใหญ่จะมีความโปร่งใส ทำงานทันเวลา เมื่อต้องจัดการกับใบเสนอราคาเป็นขั้นตอนแรกที่ดีในการประเมินจรรยาบรรณในการทำงานของบริษัท ทั้งลูกค้าและบริษัทแปลภาษาควรรู้สึกสบายใจที่จะถามคำถามและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการพิจารณาว่าต้องใช้เวลาการแปลนานเท่าใดและต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าใด

  6. ค้นหาข้อมูลว่านักแปลเอกสารเป็นเจ้าของภาษาหรือไม่
         ภาษาต้นฉบับ คือภาษาปัจจุบันของเอกสาร และภาษาเป้าหมายคือภาษาที่ต้องการให้แปลออกมา พึงตระหนักว่าแนวทางคัดหานักแปลที่ดีที่สุด คือการหานักแปลที่เชี่ยวชาญทั้งสองภาษาเท่ากัน

  7. ตรวจสอบว่าจำเป็นต้องแปลเฉพาะประเทศหรือภูมิภาคหรือไม่
         ความแตกต่างทางภาษาศาสตร์และความแตกต่างทางวัฒนธรรมอาจเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในข้อความโฆษณาและสำนวนเฉพาะภูมิภาค ดังนั้นให้รู้ว่างานแปลของคุณถูกนำไปใช้ที่ไหน และพยายามหานักภาษาศาสตร์ที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรม ประเพณีและภาษาของท้องถิ่นนั้น ๆ

  8. อย่ากลัวที่จะใช้เทคโนโลยีในการช่วยแปล
         แม้ว่าการแปลด้วยคอมพิวเตอร์ เช่น Google Translate จะให้ผลลัพธ์ในการแปลที่ไม่ถูกต้องถึง 100% แต่อย่างไรก็ตามนักแปลมืออาชีพก็ควรใช้ซอฟต์แวร์ทางเทคนิคผสมผสานกัน เช่น คำศัพท์และหน่วยความจำการแปลที่ช่วยทำให้ประหยัดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้วลีหรือคำศัพท์บางคำที่มีความหมายเหมือนกันแต่เขียนต่างกัน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยมบางโปรแกรมมีมาหลายปีแล้ว และนักแปลมืออาชีพคุณภาพสูงหลายคนนิยมใช้โปรแกรมแปลภาษาในการช่วยแปลเอกสาร 

  9. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารต้นทางได้รับการสรุปแล้ว
         การแปลใด ๆ จะให้ผลดีก็ต่อเมื่อเอกสารต้นฉบับ Approved แล้ว นักแปลที่สามารถแปลให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ เครื่องหมายวรรคตอน และการสะกดคำ ไม่ใช่หน้าที่ของนักแปลที่จะเปลี่ยนคุณภาพเอกสารต้นฉบับ

  10. ใช้บุคลากรที่มีประสบการณ์ทั้งในการแปลและการตรวจสอบการแปล
         ควรเลือกนักแปลและผู้ตรวจสอบที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในภาษาและในด้านที่คุณต้องการจ้างแปล เพื่อที่งานแปลของคุณจะออกมามีคุณภาพ ใช้เวลารวดเร็ว


     หากมีความจำเป็นต้องจ้างนักแปลมืออาชีพจากบริษัทแปลเอกสาร ก็ควรขอข้อมูลลูกค้าเก่า ผลงาน และข้อมูลอ้างอิงต่าง ๆ เพื่อพิจารณาก่อนจ้างแปลเอกสารสำคัญ


     สนใจจ้างแปลเอกสารติดต่อ 108 Translation ศูนย์รับแปลเอกสาร แปลภาษา รับรองเอกสารมืออาชีพ ที่มีนักแปลมืออาชีพภาษาต่าง ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไว้คอยบริการท่าน

 

ติดต่อสอบถาม หรือ สอบถามข้อมูลได้ที่นี่

ศูนย์แปลเอกสาร และแปลภาษา 108 Translation
ให้บริการแปลเอกสารพร้อมรับรองกงสุล บริการแปลเอกสารด่วน 

บริการแปลภาษา นานาชาติ จัดหาล่ามแปลภาษา นานาชาติ

โทรศัพท์ : 02-001-1549

แฟกซ์ : 02-001-5283

โทรศัพท์มือถือ : 063-271-7591

อีเมล : 108translations@gmail.com

เว็บไซต์ : http://www.108translation.com

LINE : @108Translations

 

Visitors: 529,931